ปรับ Mindset เก่งภาษาตามหลักวิทยาศาสตร์ จิตวิทยา และ AI – คุณคะน้า ฝรั่งอั่งม้อ

เก่งภาษาอังกฤษ กับ คุณคะน้าฝรั่ง อั่งม้อ
  1. ⌛ หมวกสามใบที่สวมอยู่
  2. ⌛ จุดเริ่มต้นของ “ฝรั่งอั่งม้อ”
  3. 👩‍🦰“คุณแม่ผู้จุดประกาย”
  4. ⌛จุดที่ทำให้ตกหลุมรักภาษาอังกฤษ
  5. ⌛Educational Psychology – จิตวิทยาการศึกษา
  6. ⌛Game changer ของการเรียนภาษาคือ AI
  7. 💡The Learning Zone
  8. ⌛Summary Key Takeaway

หมวกสามใบที่สวมอยู่

  • Content Creator ผ่านช่องทาง facebook, youtube, instagram, tiktok
  • คนสอน วิทยากร และอาจารย์พิเศษในองค์กร และมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับ English communication, Public speaking, AI Technology
  • Entrepreneur มี platform สอนภาษาอังกฤษทั้ง online และ onsite เป็นของตัวเอง https://farangangmor.com/

จุดเริ่มต้นของ “ฝรั่งอั่งม้อ”

ฝรั่งอั่งม้อ : ฝรั่งผมแดง ซึ่งมาจากคุณคะน้าที่สอนภาษาอังกฤษ(ฝรั่ง) แต่หน้าตาเป็นลูกครึ่งไทยจีน(อั่งม้อ:ผมแดง เป็นคำที่คนไทยเชื้อสายจีนใช้เรียกชาวตะวันตก) เลยเอา 2 concept นี้มารวมกันเป็น #ฝรั่งอั่งม้อ

จุดเริ่มต้นของฝรั่งอั่งม้อ “ไม่ได้เริ่มจาก passion เลย” แต่เริ่มจากการลอง และทำมาเรื่อยๆ

ตอนเรียนคุณคะน้าอยากหาเงินช่วยครอบครัว เพราะคุณพ่อป่วย เลยรับสอนภาษาอังกฤษ เริ่มจากลูกอาจารย์ที่ปรึกษา แล้วค่อยๆขยายไปเรื่อยๆ เลยได้สอนภาษาเป็น part-time job ตั้งแต่เรียนจน เรียนจบ

เรียนจบก็ไม่สามารถสมัครงานประจำได้เพราะต้องช่วยดูแลคุณพ่อที่ป่วยอยู่ เลยตัดสินใจเป็น freelance สอนภาษาตามร้านกาแฟ บ้าน และโรงเรียน

👩‍🦰“คุณแม่ผู้จุดประกาย”

คุณแม่บอกว่า “ลองสอน online ไหม” เพราะ ถ้าวิ่งสอนแบบนี้มันใช้เวลา และเสียค่าเดินทางด้วย (8-9 ปีก่อน)

คุณคะน้าตอบกลับไปว่า “จะไปทำได้ยังไง “

คุณแม่ : ถ้ามันไม่ work ก็แค่กลับมาทำแบบเดิม แต่ถ้ามัน work ก็จะได้ทำแบบนี้ต่อไป ข้อดี คือรับนักเรียนได้เพิ่มขึ้นจากเวลาที่เสียกับการเดินทางด้วย

คุณคะน้าเลยลองดู สรุปคือ WORK !!!

หลังจากทำมาได้สักพัก

สอนออนไลน์เริ่มอยู่ตัวแล้ว สอนได้เยอะขึ้น ใช้เวลาน้อยลง คุณแม่เลย Challenge ต่อว่า

“ถ้าสอนครั้งนึง ให้มันไปถึงหลายๆคนได้ไหม” ลองเปิดเพจดูสิ (ช่วงนั้นไม่ค่อยมีคนทำ)

และคำตอบคุณคะน้าก็เช่นเดิม “แม่เห็นหน้าอย่างคะน้าเนี่ยนะ จะสามารถไปเปิดเพจได้”

ตอนนั้นคุณคะน้าคิดแบบนั้นจริงๆ เพราะรู้สึกว่าคนที่จะมาเปิดเพจให้ความรู้ได้ คือเค้าต้องเก่งแบบ outstanding และ extraordinary(พิเศษ) มากๆ อีกอย่างคุณคะน้าก็เป็นแค่เด็กจบใหม่ ใครเค้าจะฟัง

แม่พูดอยู่เป็นปี และแล้ว

New Year’s Resolution – เป้าหมายปีใหม่

คุณพ่อคุณคะน้าเสีย คุณคะน้าเลยเคว้ง และอยากดูแลครอบครัวด้วย เลยไม่มีอะไรจะเสีย

จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจเปิดเพจ(ไม่ได้มาจาก passion ใดๆ) เป็น ฝรั่งอั่งม้อ จนถึงทุกวันนี้

⌛จุดที่ทำให้ตกหลุมรักภาษาอังกฤษ

ไม่มี moment ตกหลุมรักภาษาอังกฤษเลย ! คุณคะน้ากล่าว

แค่ทำได้ สื่อสารได้ มีคนเข้ามาถามเยอะว่า อันนี้เขียนยังไง ออกเสียงยังไง เลยทำให้รู้สึกว่าสิ่งนี้น่าจะพอเป็นประโยชน์กับใครได้บ้าง และ

เริ่มที่เกลียด!! ด้วยซ้ำไป

ย้อนกลับไปตอนป.2 ครูเรียกให้คุณคะน้าขึ้นไปตอบคำถามเกี่ยวกับ grammar แต่คุณคะน้าตอบไม่ได้

ครูเลยบอกว่า ถ้าตอบไม่ได้จะเอาปากกา marker มาเขียนหน้า ทั้งช็อคทั้งอาย เลยเป็นปมในใจ และรู้สึกว่าโง่วิชานี้ เลยร้องกลับบ้าน

เช่นเดิม แม่เลยพูดประโยคนึงกับคุณคะน้าว่า

“ถ้าคะน้าไม่เก่งภาษาอังกฤษ ก็ไม่มีใครเก่งภาษาอังกฤษแล้ว” (ฟังแล้วขนลุก คุณแม่ mindset ดีมาก)

แต่คุณคะน้ายังไม่เข้าใจสิ่งที่แม่พูดตอนนั้น เพราะยังเด็กอยู่

และสิ่งที่คุณแม่ทำต่อจากนั้นคือ

พยายามคุยภาษาอังกฤษกับคุณคะน้ามากขึ้น เช่น How are you? / Have you eaten yet?

ช่วงแรกคุณคะน้าก็อายที่จะตอบ และไม่ค่อยเข้าใจ แต่พอทำไปได้สักพักก็เข้าใจมากขึ้น เริ่มหาคำตอบเพื่อมาตอบคุณแม่มากขึ้น ก็เริ่มรู้สึกว่า มันไม่ได้ยากเกินความสามารถขนาดนั้น แต่ต้องใช้เวลา

และทำให้คุณคะน้าเข้าใจว่า

วันที่คิดว่าตัวเองโง่ภาษาอังกฤษวันนั้น มันคือ current ability

ความสามารถในตอนนี้ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่า อีก 3-6 เดือนข้างหน้า อนาคตเราจะไปได้ไกลแค่ไหน (ชอบมากก ประโยคนี้ มีไฟเรียนอิ้งเลย)

“สิ่งเล็กๆที่ฝึกประจำทำให้เราพัฒนาได้ (เชื่อใน 1%)”

Atomic Habits ต้องเข้าแล้ว

⌛Educational Psychology – จิตวิทยาการศึกษา

คุณคะน้าเคยไปเรียน จิตวิทยาการศึกษาที่ University of Wisconsin-Madison

เพราะอยากหาเกมส์ วิธีการสอนที่ทำให้นักเรียนสนุกขึ้น เทคนิคการจำ เรียนรู้เกี่ยวกับสมอง

เทคนิคที่จะทำให้เราจำได้ใน Long-term memory คือ

ถ้าเรามีเวลา 4 ชั่วโมงเท่ากัน แบ่งเป็น 3 experiment

  • 👦 คนแรกอ่านแบบ cramming อัดรวดเดียว 4 ชั่วโมง ใน 1 วัน
  • 👧 คนที่สองแบ่งอ่านวันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 วัน
  • 👱 คนที่สามแบ่งอ่านวันละ 30 นาที 8 วัน

จาก research ปรากฎว่า คนที่อ่าน 8 วันจำได้นานกว่า เรียกสิ่งนี้ว่า distributed learning(การจัดการเรียนรู้แบบกระจาย)

ถ้าเราถามภายใน 5 นาทีหลังจากเรียนว่าเรียนอะไรไปบ้าง คนที่อ่านแบบอัดรอบเดียวก็อาจจะตอบได้ทันที แต่ forgetting curve ของเขาจะลดลงไวมากก ผ่านไป 2-3 วันก็ลืม

ในขณะที่คนที่แบ่งอ่าน : 1 สัปดาห์ผ่านไป เขาจะจำได้มากกว่าคนที่อ่านอัดรวดเดียวแบบเยอะมาก

Focus on “How to learn not What to learn” – เรียนอย่างไรให้เข้ากับสมองมากขึ้น

สมองเรามีสองส่วนในเรื่องของการรับรู้เกี่ยวกับภาษา คือ

  • receptive skills(ทักษะการรับเข้ามา) – ความเข้าใจ ใช้สมองส่วน Wernicke (input)
  • productive skills(ทักษะการใช้) – ใช้สมองส่วน Broca (output)

“ทำไมท่องคำศัพท์ทุกวันแต่พูดอังกฤษไม่คล่องสักที”

“เคยท่องคำนี้แต่พอจะพูดนึกไม่ออก”

ปัญหานึงคือ เราเน้น input เยอะ (พยายามท่องศัพท์ และเข้าใจ) แต่ไม่ค่อยได้ output (พูด/เขียน)

💡 3 วิธีพัฒนาภาษาให้เก่งขึ้น

  1. input : การรับข้อมูลภาษาอังกฤษผ่านการฟังและอ่าน (ดูและฟังในสิ่งที่ชอบ)
  2. output : การเอาข้อมูลภาษาอังกฤษในหัวออกมาใช้ผ่านการพูดและเขียน (คุยกับ AI)
  3. consistency : การฝึกภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ (สำคัญมาก)

⌛Game changer ของการเรียนภาษาคือ AI

AI คือ ครูสอนภาษาอังกฤษส่วนตัวที่พร้อมอยู่กับเราทุกวัน ทุกเวลา แค่มีมือถือ และอินเทอร์เน็ต ถามอะไรตอบได้หมด และเป็น safe space สำหรับทุกคน

ท้ายที่สุดแล้วทุกปัญหาไม่ว่าจะเป็น ฟังไม่ได้ พูดไม่คล่อง นึกคำไม่ออก จะจบตรงที่ว่า “ไม่ได้ฝึกใช้มากพอ”

Practice make perfect !!

ดังนั้น AI เลยกลายเป็น game changer และทางออกที่ดีสำหรับคนเรียนภาษา และไม่จำกัดเฉพาะเรื่องภาษา ไม่ว่าคุณจะอยากรู้ อยากวางแผน หรือเรียนอะไร AI ช่วยได้

🧿Generative AI ช่วยฝึกภาษาอย่างไร ?

  • Personalized Learning – วางแผนการเรียนภาษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล AI (Chatgpt, Gemini) ช่วยได้
    ทำไมต้องมี? เพราะความชอบ style และ goal ในการเรียนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนชอบดูหนัง บางคนชอบฟัง podcast ดังนั้น สิ่งนี้จึงเป็นตัวช่วยให้เราเรียนรู้ได้ดีขึ้น “Not one size fits all”
  • Feedback – พูดกับเค้าไปสักพักแล้วก็ลองถาม feedback กับ AI ดูว่าเราต้องปรับปรุงส่วนไหน ต้องเน้นตรงไหนบ้าง แล้วทุกครั้งที่เราพูดไป AI มันจะถอดเสียงเราออกเป็นตัวอักษร เราก็จะสามารถเช็คได้ว่าตรงไหนเราพูดผิด หรือพูดไม่ชัดบ้าง
  • Safe space – ไม่ต้องเขินอายในการฝึกภาษา คุยกับ AI ได้ทุกเรื่อง ทุกสำเนียง

ตัวอย่าง Promp ให้ AI ช่วยเป็นคู่สนทนาของเรา เพื่อฝึกภาษาอังกฤษ

“Act as a conversation partner to help me practice speaking English”

💡The Learning Zone

  • Comfort zone : สิ่งที่ทำประจำ ทำทุกวัน ทำแล้วสบายใจ เช่นการพูดภาษาที่ 1 ของเรา คือ ภาษาไทย
  • Panic zone : เป็นสิ่งที่ไม่เคยทำ ยาก เครียด และกดดัน เป็น zone ที่ล้มเลิกได้ง่าย (เหมือนโดนถีบลงน้ำ)
  • Learning zone : เป็น zone ที่มีความท้าทาย แต่เราสามารถกลับมายัง comfort zone เราได้ สามารถก้าวไปทีละนิดได้ ค่อยๆก้าว ซึ่ง AI สามารถเป็นส่วนหนึ่งของ Learning zone ได้

⌛Summary Key Takeaway

  • คนรอบตัว สิ่งแวดล้อมรอบข้างสำคัญ (คุณแม่คุณคะน้าคือโครตผู้จุดประกาย)
  • กลัวแต่ก็กล้าที่จะทำ
  • เริ่มจากค่อยๆเปลี่ยน ค่อยๆเดิน มองหาโอกาสไปเรื่อยๆ ไม่ได้เริ่มแบบครั้งเดียวจบ
  • การที่เรายอมรับได้กับการเปลี่ยนแปลง หรือความไม่แน่นอนในอะไรบางอย่าง ทำให้ได้รับโอกาสใหม่ๆเข้ามา
  • ไม่ได้เริ่มจาก passion เริ่มต้นจากความบกพร่องด้วยซ้ำ
  • Don’t give up !!!
  • การเรียนรู้ผิดพลาดได้
  • Focus on “How to learn”
  • สิ่งเล็กๆที่ฝึกประจำทำให้เราพัฒนาได้ (consistency)

และสุดท้ายคุณคะน้าบอกว่า

How many lives are better off because you live.
การมีอยู่ของเราวันนี้ทำให้กี่ชีวิตดีขึ้นบ้าง

ฝรั่งอั่งม้อ

ฟังแล้วขนลู๊กกกกกก

ขอบคุณคุณคะน้าสำหรับการเติมไฟในการเรียน และกล้าที่จะเริ่มทำอะไรบางอย่างนะคะ 🥰

THE STANDARD knd (คำนี้ดี) : https://youtu.be/7OQZeXtANzA?si=0A623585yLHWfCZ4


ใส่ความเห็น