อยากรวยต้องอยู่แบบฝืนกระแสสังคม – เฟิร์น Wealth Me Up

Wealth me up

ตอนนี้ทำอะไรอยู่?

  • พิธีกรด้านเศรษฐกิจการเงินที่ The Standard Wealth
  • ทำธุรกิจส่วนตัว : Wealth Me Up (เพจ + production house)
  • งานบรรยาย / พิธีกร / งานสอน (หัวข้อ: speaking & การเงินส่วนบุคคล)

เส้นทางสู่ผู้ดำเนินรายการด้านการเงิน

คุณเฟิร์นเริ่มจากเรียนเศรษฐศาสตร์มาก่อน บวกกับก่อน subprime crisis ปี 2008 ที่ Money channel มีเปิดรับพิธีกรเลยไปสมัครเพราะรุ่นพี่ชวนไป เลยเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางนี้

คุณเฟิร์นเติบโตมากับการค้าขาย เป็นครอบครัวคนจีนที่ขยันทำงานตลอดเวลา จนกลายเป็นการปลูกฝังให้คุณเฟิร์นรู้สึกว่า งานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ส่วนเกิน

คุณแม่คือต้นแบบด้านการเงิน

คุณแม่คุณเฟิร์นสอนเสมอว่า

ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดออม

ซึ่งท่านไม่ได้แค่พูด แต่เป็นการทำให้เห็น เช่น คุณแม่สั่งให้ทำงานเค้าก็จะไม่ได้แค่สั่ง แต่ก็จะทำให้เห็นด้วย หรือบอกให้อดออม คุณแม่ก็ทำให้เห็นว่า ออมไปเพื่ออะไร ซื้อทอง ซื้ออสังหา คุณแม่ทำให้เห็นจนไม่มีข้อกังขา จึงเป็นแบบอย่างทางการเงินของคุณเฟิร์น

นิสัยอดออมเริ่มจากตรงไหน

ตอนเงินเดือนเดือนแรกออก 12,000 บาท คุณแม่คุณเฟิร์นพาไปดูบ้านเลย และบอกให้เป็นหนี้บ้านซะ (คุณเฟิร์นงง เพราะจ่ายค่าผ่อนบ้านก็หมดไปจะครึ่งนึงของเงินเดือนแล้ว แล้วจะเหลือใช้เท่าไหร่เนี้ย) คุณแม่เลยสอนต่อว่า ก็เอาเงินจากค่าเช่าบ้านมาผ่อนสิ

ระหว่างทางได้โบนัส หรือได้งานเสริมมา คุณแม่ก็บอกให้เอาไปโปะบ้านหมด ผ่อนหมด 9 ปี ได้บ้านมาเป็นของตัวเองไว จนเจ้าหน้าที่บอกว่าปิดบ้านได้ไวมาก (สุดยอด)

บ้านหลังนี้เลยสอนให้คุณเฟิร์นฝึก “ออมก่อนใช้”

การที่คุณแม่ให้ซื้อบ้าน(อสังหา) = เป็นการออมเพื่อทรัพย์สิน

(ฝากแบงค์ถอนได้ ซื้อบ้านถอนไม่ได้ เย้ยยย++)

สิ่งนี้ทำให้คุณเฟิร์นไม่รู้สึกแปลก หรืออึดอัดกับการที่ต้องแบ่งออม 50% และฝึกนิสัยออมก่อนใช้อีกด้วย

ยิ่งปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่เด็กจะยิ่งดี เพราะจะฝึกเป็นนิสัยไปโดยอัตโนมัติ

เรียนรู้อะไรจากการเป็นพิธีกรทางการเงิน

ทุกคนที่ได้สัมภาษณ์คือ “ครู”

การมีเงินไม่ใช่แค่เก็บแบงค์ ซื้อบ้าน ซื้อทองแล้วจบ มันมีหลายท่ามาก ที่จะสามารถนำเงินไปต่อเงินได้

แต่ละคนมีวิธีการ ความชอบ ความถนัด และความรู้ที่ไม่เหมือนกัน คุณเฟิร์นเลยได้เรียนรู้ และสะสมประสบการณ์ ลองผิด ลองถูก จากสิ่งนี้มาเรื่อยๆ เจ๋งบ้าง ได้บ้าง แต่ทุกสิ่งคือประสบการณ์ จนเจอทางของตัวเองในที่สุด

งาน = โอกาส ไม่ใช่ภาระ

หลายคนคิดว่า คุณเฟิร์นมาถึงจุดนี้ได้ เพราะมีต้นทุน แต่จริงๆไม่ใช่เลย

คุณเฟิร์นมีหนี้ 2 ก้อนตั้งแต่เรียนจบ คือ หนี้บ้าน + กยศ

สิ่งสำคัญคือ เราต้องทำอะไรที่ “พิเศษ” เช่น ทำงานหนักเป็นพิเศษ เก็บเงินมากเป็นพิเศษ คุณเฟิร์นทำงานหนักมากในช่วงแรก รับจ็อบทุกอย่างที่ทำได้ เพราะ งานคือ โอกาสไม่ใช่ภาระ

รับงานเยอะจนฐานการออมเยอะ และคุณเฟิร์นก็เก็บเยอะ บางงานได้ 100 เก็บ 50 บางงานได้ 100 เก็บ 100 ก็มี

พยายามไม่ไหลไปตามกระแสสังคม มันจะฝืนนิดหน่อยในตอนแรก แต่ถ้าผ่านไปได้มันจะเป็นนิสัยไปเอง

ล้านแรกก่อน 30

เริ่มจากได้เรียนรู้จากผู้สัมภาษณ์หลายท่าน

ลองผิดลองถูกมา จนเจอทางของตัวเอง

เริ่มต้นลงทุนที่กองทุนรวม เพราะไม่เสี่ยงมากเหมือนหุ้น และไม่ safe สุดเหมือนเงินฝาก ขยับไปเป็นดัชนีต่างประเทศ S&P500 ใช้การ DCA ไปเรื่อยๆ จนเกิดวิกฤติ subprime พอร์ตร่วงมากว่า 50%

แต่กว่าจะรู้ตัวก็ 1 เดือนหลังจากนั้นแล้ว (เพราะเมื่อก่อนไม่มีแอปอัพเดทแบบ real time ต้องรอจดหมายส่งมา) แต่ก็ยังมีวินัย DCA ต่อมาเรื่อยๆ จนหลังวิกฤติ subprime หุ้นค่อยๆฟื้นตัว จากเงินที่ใส่ไปหลักพัน สู่หลักแสน

DCA ต่อเรื่อยๆ + ฐานเงิน และงานเสริมที่มากขึ้น จนในที่สุดก็เข้าสู่ “ล้านแรก”

การอดทนให้ผลที่ดี

ล้านแรกยากสุด มีเงินเก็บ 8 หลัก เพราะ

เงินเติมจากงานเสริมเยอะ + ผลตอบแทนที่ค่อยๆผลิดอกออกผล + เป็นช่วงจังหวะที่ดีของตลาดหุ้นอเมริกาในช่วงนั้น เพราะ crash ลงมาหนักจริง แต่พอขึ้นก็ขึ้นยาว ทำให้พอร์ตลงทุนที่มีทวีคูณเป็น exponential

การอดทนให้ผลที่ดี

คุณเฟิร์นทำแบบเดิมมาตลอด คือ DCA ตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยน อาจจะเปลี่ยนแค่สิ่งที่ใส่เข้าไป แต่ก่อนลงทุนหุ้นไทย แต่เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป สังคมสูงวัยมากขึ้น เลยเปลี่ยนไปลงหุ้นโลกมากขึ้น (ลงภาพใหญ่ของโลก ถ้าโลกยังโตได้ เราก็จะเกาะกระแสโลกไปด้วย)

อิสรภาพทางการเงินก่อน 35

คุณเฟิร์นลองดูพอร์ตของตัวเองแล้ว เอามาคิดคำนวณบวกกับเงินเฟ้อ ว่าถ้าอยู่ไปอีก 80-90 ปี ปรากฎว่า มีใช้อยู่ที่เดือนละประมาณ 50K (เกษียณได้แล้วหนิ) ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องเหนื่อยมากแล้วก็ได้

คุณเฟิร์นไม่รับงานเลย 3 เดือน ไปเดินห้าง ไปร้านหนังสือ ไปเที่ยว ออกกำลังกาย ปรากฎว่าทำได้เดือนกว่า “เบื่อจังเลย” เดินห้างทุกวันจนไม่รู้จะไปไหน (เกษียณซินโดรม) จนได้รู้ว่า

“ไม่ได้เกษียณเพื่อหยุด แต่เกษียณเพื่อใช้ชีวิตที่ต้องการ”

เลือกได้ว่าจะทำอะไร ไม่ทำอะไร

ไม่มีเวลาดูตลาด ก็แค่ทำทุกอย่างให้ง่าย

เงินเข้ามาเท่าไหร่ ตัดลงทุนครึ่งนึงเสมอ ด้วยวิธีการ DCA

ไม่จำเป็นต้องครึ่งนึง ปรับให้เหมาะกับการเงินของตัวเอง จะ 5 หรือ 10 / 20 เปอร์เซ็น ก็ทำให้สม่ำเสมอ และทำให้เป็นอัตโนมัติ

ไม่ได้มีเวลาไปเลือกหุ้นรายตัว หรือไป BET กับตลาด + ชอบทำงานมากกว่าชอบลงทุน ดังนั้น

ทางที่ดีและง่ายสุด คือการ DCA ทำให้เป็นประจำ เป็นนิสัย

คุณเฟิร์นลงทุนแบบเหมารวมทั้งโลก ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ต่อปี อาศัยความถึก ลงทุนมา 20 ปี เกาะกระแสโลกไป

สถิติหวย vs กองทุน

Wealth Me Up เคยทำสถิติอยู่ 3 ปี โดยให้ทีมกระจายไปตามพื้นที่ สมมติมี 5 คน

กลุ่มแรก : กระจายไปในแต่ละพื้นที่ อ่อนนุชบ้าง จรัญบ้าง มีเงินให้ 500 บาทให้เอาไปซื้อหวย 5 ใบในทุกๆเดือน

กลุ่มสอง : ก็คือคุณเฟิร์นเอาเงินไปลงในกองทุน 5 กอง

3 ปีผ่านไป มาดูผลตอบแทนปรากฎว่า ติดลบเหมือนกันทั้งคู่ ต่างกันที่

  • กองทุน -10% + แต่ซื้อแล้วยังคงอยู่ในพอร์ต ในวันที่หุ้นฟื้นตัว หรือเศรษฐกิจฟื้นตัว ก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นบวกได้ ขณะที่
  • หวย -60%+ ซื้อแล้วหาย

คำถามคือ ถ้าคุณเสี่ยงได้เหมือนหวย ซื้อ 100 หาย 100 ลองเก็บซักครึ่งนึงมาลงกองทุนดูไหม หรือถ้าไม่ถนัดกองทุน ก็ลอง explore หลายๆทาง หาสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง จะ back to basic ฝากแบงค์ก็ได้ ขอแค่ลองแบ่งออม

ฝืนคือหนทางสู่การมี “อิสระทางการเงิน”

อดทนรวย

“มันคือการฝืนไม่ใช้เงิน ต้องเก็บเงิน”

“ฝืนไม่ซื้อหวย เพื่อลงทุน”

“ฝืนไม่ซื้อของ ซื้อสินทรัพย์”

มันเป็นการฝืนกระแสสังคม สวนกระแสโลกปกติ (ในยุคที่มีแต่สิ่งที่ชวนให้เสียเงินอยู่ตลอด เสียง่ายด้วยเพราะความสะดวกของยุคนี้)

กินชาบูตอนนี้ อร่อยตอนนี้ | เก็บ 500 ตอนนี้ จะถึงล้านแรกตอนไหน

การอดทนเพื่อฝืนกระแสสังคมมันใช้พลังใจในการฮึบสูงมาก

มี Research บอกว่า

คนจะมองเห็นความสุขระยะสั้น ใหญ่กว่าความสุขระยะยาว

ยกตัวอย่างเช่น เพื่อนชวนกินชาบูตอนนี้เสีย 500 แต่ถ้าไม่ไปได้เก็บ 500

กินชาบูตอนนี้ อร่อยตอนนี้เลย แต่ถ้าเก็บ 500 ตอนนี้จะได้ล้านตอนไหน (หืมมม)

ท้ายที่สุดแล้วมันอยู่ที่

mindset + ความมั่นคงในเป้าหมายของชีวิต

ถ้าเราเห็นมันชัดพอแม้จะเหนื่อยในช่วงแรก แต่เชื่อเถอะว่า 10 ปีผ่านไปมันจะค่อยๆ ผลิดอกออกผล

แล้วความสุข ณ ตอนนั้นมันจะเกินชาบูในวันที่ต้องฝืนเก็บออมไปเลย (เลี้ยงเพื่อนได้ด้วย เย้ยย)

ปล. ไม่ได้บอกให้เลิกกินชาบูนะ แต่ลองแบ่งเก็บสักส่วนไหม จากไปกินชาบู ไปกินไอติมแทนไหม (ลดค่าใช้จ่ายลง) “คิดเรื่องเก็บก่อนเรื่องใช้”

ครั้งแรกของแบรนด์เนมตอนมีเงิน 8 หลัก

ที่ผ่านมาก่อนมีเงินถึง 8 หลักคุณเฟิร์นไม่เคยใช้ แบรนด์เนมเลย ใช้กระเป๋าใบละ 199 บาท ง่ายๆ ส่วนหนึ่งมาจากที่บ้านไม่เคยกดดันให้ต้องเอาใจใคร

ถ้าเรามั่นคงทางจิตใจ ใจเรามันฟูพอ หน้ามันจะออกเองว่าเรามีความสุข แล้วคนจะเข้าหาเราไม่ใช่เพราะเรามีเงินเยอะ แต่เพราะเราแฮปปี้ เราทำให้เค้ามีความสุขได้

(good vibes good life ต้องเข้าแล้ว)

แต่ในโลกยุคนี้ที่ทุกอย่างยั่วยวนไปหมด เพื่อนอวดบ้าน อวดรถ อวดเสื้อผ้ากระเป๋า เหมือน social media โยนความอยากได้อยากมี ใส่หน้าเราในทุกวัน มันก็ยากมากที่จะมองข้าม

ดังนั้น จำเป็นต้องใช้คำว่าฝืนอีกนั่นแหละ แต่เป็นฝืนจากที่จากจะใช้ร้อย ลองเก็บมาสักสิบได้ไหมละ ฝึกนิสัยเก็บทีละเล็กละน้อย ให้เรามีฐานที่มั่นคง เพราะถ้าฐานเราไม่มั่นคง เราก็จะไม่สามารถแบกใครได้เลย ทุกอย่างพังครืน

ความไม่สมบูรณ์แบบคือพลัง

บ้านคุณเฟิร์นเป็นชนชั้นกลาง พ่อป่วยเป็นมะเร็งแล้วเสียไป แม่เลยกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

ทำให้คุณเฟิร์นได้เห็นในเกือบทุกมุมของชีวิต ทั้งความสบาย ความลำบาก เกือบจะขาดแคลน แล้วก็กลับมาได้ ทำให้รู้ว่าไม่มีอะไรเป็นอย่างที่เราคาดหวังไปตลอด วันนี้ที่เราเป็นอยู่ มันก็จะไม่เป็นแบบนี้ตลอดไป

ทำให้เห็นคุณค่าในหลายๆสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของที่ต้องอดทนเก็บกว่าจะได้มา i.e. อดทนไม่กินขนม 10 วันเพื่อให้ได้กล่องดินสอ กับ มีเงิน 50 ได้มาแล้วซื้อเลย ความหมาย และคุณค่ามันต่างกัน

ชีวิตสอนให้รู้ว่า

อยู่กับปัจจุบัน หลายคนมักจมกับกับอดีต (รู้งี้) หรือ คาดหวังกับอนาคตมากเกินไป

“ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันได้ดี มันก็จะเป็นอดีตที่ดีให้กับเรา” และสามารถสร้างอนาคตที่ดีให้กับเราด้วย

สรุป

  • ครอบครัว คนรอบข้าง ต้นแบบที่ดีมีผลกับนิสัย และการดำเนินชีวิตของเรา
  • คิดเรื่องออมก่อนเรื่องใช้
  • อยากรวยต้องฝืนกระแสสังคม
  • ความอดทน และวินัย คือ หนทางสู่อิสรภาพทางการเงิน
  • ทางที่ดีและง่ายที่สุดคือ การ DCA (แล้วแต่บุคคล)
  • ความขาดแคลน และไม่สมบูรณ์แบบคือพลังขับเคลื่อนที่ดี
  • ปัจจุบันที่ดี จะเป็นอดีตที่ดีให้กับเรา

จบแล้วววว ใครคิดเห็นยังไงสามารถคอมเมนต์บอกกันได้

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบน้า 🙇‍♀️

ขอบคุณคอนเทนต์ดีๆจาก : Manoottangwai

สามารถดูเต็มๆได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=szM84JlVqNI


ใส่ความเห็น