7 วิธีเปลี่ยนนิสัย พิชิตเป้าหมายปีใหม่ให้สำเร็จ

7 วิธีเปลี่ยนนิสัย พิชิตเป้าหมายปีใหม่ให้สำเร็จ
  1. [1] One Big Thing
  2. [2] สร้าง Action Plan 90 Days
  3. [3] ใช้กฎ 5 ชั่วโมงในการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว
  4. [4] Decision Fatigue – ลดความเหนื่อยจากการตัดสินใจ
  5. [5] ทำความรู้จักกับคนที่ก้าวหน้ามากกว่าเรา 10 ขั้น
  6. [6] ให้ความสำคัญกับการลงมือทำ > การหาข้อมูลเยอะๆ
  7. [7] สุขภาพมาก่อนเสมอ

หลายคนคงเคยเจอกับเหตุการณ์ ตั้งเป้าหมายในชีวิตแล้ว มี vision board แล้ว มี action plan แล้ว แต่ทำไมพอมารีวิวตัวเองในทุกปี กลับย่ำอยู่ที่เดิม อยากมี New Year’s Resolution ที่สำเร็จแบบคนอื่นบ้าง แต่ทำไมไปไม่ถึงเป้าสักที

ลองนำ 7 ข้อที่เอามาบอกเล่าต่อจากนี้ ไปปรับใช้ดู แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างมากขึ้น

เราไปเจอคลิปใน Youtube จากช่อง MonaMaison เค้าบอกเล่าถึง 7 ข้อที่จะทำให้เราสามารถไปถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้ในแต่ละปี ด้วยการเปลี่ยนนิสัยเล็กๆระหว่างทาง ฟังจบแล้วเรารู้สึกว่ามันดีมากกกก เลยอยากเอามาบอกเล่าให้ทุกคนได้ฟังกัน

[1] One Big Thing

ลองสังเกตตัวเองดูว่า เป้าหมายที่วางไว้ในแต่ละปี เยอะเกินไปหรือเปล่า บางครั้งการที่เรามีเป้าหมายที่เยอะมากจนเกินไป อาจทำให้เราไม่สามารถ Focus กับอะไรได้เลยสักอย่าง และนั่นคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เราไม่สามารถ achieve เป้าหมายได้เลยในแต่ละปี

อย่างที่บอกไป คือ ทุกคนไม่ได้ขาดเวลา และ พรสวรรค์
สิ่งที่ทุกคนขาดคือ สมาธิ และ focus
แถมให้อีกอย่าง คือ ความสม่ำเสมอ (consistency)

ดังนั้น วิธีแก้คือ ให้เราลอง list เป้าหมายในใจจริงๆออกมา แล้ว เลือก 1 เป้าหมาย ที่
ถ้าเปลี่ยนตั้งแต่วันนี้แล้ว เราในอีก 1 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไปได้แบบก้าวกระโดด
เลือกสิ่งที่ impact กับชีวิตของเรามากที่สุดในตอนนี้ แล้ว focus กับมันแบบจริงจัง

พอเรา focus กับแค่ 1 เป้าหมายอย่างจริงจังแบบไม่วอกแวกแล้ว เราก็จะเจอหนทาง หรือวิธีการมากมาย ที่จะทำให้ถึงเป้าหมายนั้นๆ

เชื่อเราเถอะว่า ถ้าคุณเจอ 1 เป้าหมายนั้นแล้ว และตั้งใจทำมันจริงๆ คุณจะเห็น Big change ของตัวเองได้ในอีก 1 ปีข้างหน้า

[2] สร้าง Action Plan 90 Days

มีเป้าหมายแล้ว ก็อย่าลืมระหว่างทางของเป้าหมาย action plan สำคัญมาก เพราะเปรียบเหมือน navigator ที่จะช่วยนำทางเราให้ไปถึงเป้าหมายได้ตรง และไวมากขึ้น

หากการสร้าง action plan แบบรายปีทำให้เรารู้สึกว่านาน และท้ายที่สุดก็หลุด focus ไป ทั้งยังจะทำให้ท้อได้ง่ายๆ หรือ แบบรายเดือนที่ หนึ่งเดือนก็ผ่านไปไวเหลือเกิน ทำแล้วกดดันเกินไป งั้นลองหันมาสร้าง action plan แบบรายไตรมาสดู

ไตรมาสนึงลองมาเช็คและรีวิวดูว่า ตรงไหนที่ขาดไป หรือตรงไหนที่ดีแล้ว นอกจากจะช่วยเช็คว่าเรายังอยู่ในเส้นทางที่ควรจะไปไหม ยังทำให้สามารถสร้างกำลังใจในระหว่างทางได้อย่างสม่ำเสมออีกด้วย

[3] ใช้กฎ 5 ชั่วโมงในการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว

กฎนี้เป็นกฎที่คนดังหลายคนใช้ ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates, Elon Must, Oprah Winfreyn

  • ใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชม./วัน (5 ชม./week) เรียนรู้ทักษะใหม่ๆอย่างตั้งใจ เพื่อพัฒนาตัวเอง
  • Focus on: การอ่าน, การคิดต่อยอด, การทดลอง มากกว่า การดูหรือการเสพสื่อ

Tips💡:
No Phone rule – ห้ามแตะโทรศัพท์ก่อนเข้านอน
ใช้เวลาส่วนนั้นในการอ่านหนังสือ ลองอ่านแบบ active ดู (อ่านแบบจดจ่อ) มี note ข้างๆตัวอันไหนดีก็จดแล้วนำไปใช้ อันไหนเอาไปต่อยอดต่อได้ก็ note เก็บไว้ใช้ต่อ

[4] Decision Fatigue – ลดความเหนื่อยจากการตัดสินใจ

ลองทำทุกอย่างให้เป็น routine เช่น

Q : เช้านี้กินอะไรดี? เป็น pain point ที่ทุกคนต้องเจอในทุกๆเช้า
A : วิธีการประหยัดพลังงานสมอง ก็ลอง set เมนูมื้อเช้าไว้สัก 2-3 เมนู เช้ามาก็เลือก 1 ใน 3 สิ่งนี้ + กาแฟ หรือ matcha สักแก้วนึงจะได้ไม่ต้องคิดเยอะ

Q : อยากออกกำลังกายแต่ขี้เกียจสระผม
A : ก็ set วันออกกำลังกายให้ตรงกับวันที่เราจะสระผมไปเลย ปกติเราก็สระผมวันเว้นวัน ก็ออกกำลังกายวันเว้นวัน สร้างสุขภาพร่างกาย และนิสัยที่ดีไปในตัว

ลองลดการตัดสินใจที่ไม่จำเป็นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะออกกำลังกายวันไหน กินอะไร วันนี้ใส่อะไรดี set ทุกอย่างให้เป็น routine จะได้ลดการตัดสินใจ และช่วย safe พลังงานสมอง ทำให้เราเหลือพื้นที่ไป create และ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้มากขึ้น

[5] ทำความรู้จักกับคนที่ก้าวหน้ามากกว่าเรา 10 ขั้น

การที่เราได้รู้จักกับคนที่เก่งและก้าวหน้ากว่าเรา ถือเป็นทางลัดสู่ความสำเร็จ บางอย่างเราไม่จำเป็นต้องไปเรียนรู้ด้วยตนเอง หรือไม่ต้องไปล้มด้วยตัวเอง เราเรียนรู้จากคนที่มีประสบการณ์ คนที่เคยผ่านเหตุการณ์นั้นๆ และคนที่ประสบความสำเร็จมาแล้วได้

เพราะสิ่งที่เขาบอกเล่า ไม่ว่าจะผ่านการสัมมนา การอ่านหนังสือ หรือ คอร์สเรียนที่เขาสร้างขึ้นนั้น เขากลั่นกรองเป็น shortcut หรือ ทางลัดมาให้เราแล้ว

หากเราสนใจเรื่องไหน ที่สามารถทำให้เราถึงเป้าหมายได้ไว ก็ลองหาหนังสือ คอร์สเรียน ไปฟังสัมมนา หรือเลือกอ่านหนังสือที่คนด้านนั้นๆที่เราสนใจแนะนำ ถือเป็น shortcut ที่ดี ที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ไวมากยิ่งขึ้น

ไม่นานมานี้เราไปเจอคลิปนึงของคุณ TobyTewTuen เค้าบอกว่า

Q : ถ้าเราอ่านหนังสือ เราจะสามารถ save ชีวิตของเราไปได้ 40 ปี เพราะ ?

แต่ละคนกว่าจะเขียนหนังสือออกมาได้สักเล่มนึง เค้าต้องใช้ประสบการณ์ในชีวิตของเค้าเยอะมาก กว่าจะกลั่นออกมาเป็นหนังสือหนึ่งเล่ม

ดังนั้น การอ่านหนังสือของคนดังที่รวบรวมเอาประสบการณ์ ทั้งที่ประสบความสำเร็จ ล้มเหลว และบันทึกเรื่องราวระหว่างทางในแต่ละช่วงอายุ เปรียบเหมือนเราได้ไปยืนอยู่บนไหล่ยักษ์

ทำให้เรามองเห็นภาพกว้าง เห็นหลุม หรือเรื่องราวความผิดพลาดที่เราจะสามารถเก็บมาเป็นประสบการณ์ เพื่อหลบหลีก และไม่ทำซ้ำได้ หรือเรื่องราวที่เป็น best practice ของเค้าเราก็เอามาเป็นตัวอย่าง และปรับใช้กับชีวิตเราได้

[6] ให้ความสำคัญกับการลงมือทำ > การหาข้อมูลเยอะๆ

หลายคนมักติดกับดัก perfectionist : focus กับการ planning > การลงมือทำ

วิธีการหลุดพ้นจากกับดักนี้ คือ

ตั้งกฎ “ทุกๆ 1 ชั่วโมงที่ใช้ในการเรียนรู้ ให้ใช้ 3 ชั่วโมงในการลงมือทำ”

การลงมือทำจริง จะทำให้เรากล้าที่จะเผชิญกับความกลัว เรียนรู้จากผลลัพธ์ อะไรทำแล้วดี อะไรทำแล้ว fail เราจะได้หาวิธีปรับใช้ แก้ไข และพัฒนาได้ในระหว่างทาง ซึ่งการลงมือทำจะทำให้เราเติบโตได้ไว เพราะเราสามารถ Learn from your mistake ได้

[7] สุขภาพมาก่อนเสมอ

ถ้าจะให้เลือก 1 ข้อที่สำคัญมากๆ และควรนำมาปรับใช้ สุขภาพควรมาก่อนทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสุขภาพกาย และสุขภาพจิต เป็นสิ่งแรกที่ควรให้ความสำคัญ เพราะหากเราขาด 2 สิ่งนี้ไป ไม่ว่าจะการงาน การเงิน ความสำเร็จ หรือความสัมพันธ์ก็จะแย่ตามไปด้วย

การออกกำลังกาย, กินอาหารที่ดี, หาเวลาพักผ่อนให้ตัวเอง มีวันหยุดพักและไม่ทำงานบ้าง จะทำให้สุขภาพจิตเราไม่เครียดจนเกินไป และสามารถเต็มที่ได้กับทุกเป้าหมาย

เพราะฉะนั้น

The first of focus are health and mental health – ชีวิตเรามีแค่ร่างเดียว ถ้าเราไม่ดูแลเค้าให้ดี มันจะส่งผลกระทบกับเราแน่นอนในอนาคต เพราะงั้น ไปออกกำลังกาย และกินอาหารดีๆนะ

เป็นยังไงกันบ้างกับ 7 ข้อ เริ่มลงมือเปลี่ยนวันนี้ให้กลายเป็นชีวิตในฝันในอีก 1 ปีข้างหน้า คิดเห็นยังไง comment พูดคุยกันได้ หรือใครมีวิธีดีๆที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้ไวขึ้น สามารถมา share กันได้น้าา

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ 🙇🏿‍♀️

ขอบคุณคอนเทนต์ดีๆจากช่อง
Youtube : MonaMaison
Tiktok : TobyTewTuen


ใส่ความเห็น