- ปัจจัยที่ส่งผลต่อเทรนด์ผู้บริโภค
- ความกังวลที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายทั่วโลก และประเทศไทย
- ตัวกำหนดสถานการณ์เศรษฐกิจของ FMCG
- 6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 – 6 Emerging Consumer Segment in 2025
- Deep Dive Industries – เจาะลึกแต่ละอุตสาหกรรม
- Spending Behavior Shift: Increasing (หมวดหมู่ไหนที่มีการปรับเปลี่ยนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น)
- Spending Behavior Shift: Decreasing (หมวดหมู่ไหนที่มีการปรับเปลี่ยนค่าใช้จ่ายลดลง)
- Value vs. Trust by Business Categories (คุณค่าและความเชื่อมั่น อะไรคือสิ่งที่ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญและมีอิทธิพลในการตัดสินใจ)
- Deep Dive – Health & Wellness
- Deep Dive – Technology and AI Adoption
- Deep Dive – Tourism and Experiential Spending
- Deep Dive – High Involvement Product: Automotive & Real Estate
- Deep Dive – Luxury Goods
- Sustainability & ESG Practices – เทรนด์ความยั่งยืน 2025
ย้อนกลับไปดูเทรนด์การตลาดตั้งแต่ปี 2018 และ Keyword ในแต่ละปี

2018 – Digital First Marketing แนวคิดการตลาดที่ให้ความสำคัญกับช่องทางดิจิทัลเป็นอันดับแรก
2019 – Digital Ecosystem โดยมี Customer Data Platform(CDP) หรือเรียกว่า แพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปต่อยอดทางการตลาด เริ่มเข้ามามีบทบาท
2020 – Creator Led ยุคนั้นทุกคนเริ่มพูดถึง creator และ Tiktok เริ่ม rising
2022 – Attention เริ่มสนใจเรื่องความสนใจของผู้บริโภค
2024 – Brandformance (Branding + Performance) การตลาดที่ได้ทั้งยอดขายและสร้างแบรนด์ระยะยาว
2025 – Strategic Innovation & Impact ปีแห่งการสร้าง Meaningful impact คือ impact ที่เกิดขึ้น ได้ผลลัพธ์และประโยชน์อย่างแท้จริง ทั้งกับแบรนด์ และ consumer
ก่อนจะไปเรื่อง Consumer Trend ทาง Adapter เก็บข้อมูลยังไง?
- Adapter x YouGov(Research Platform) สำรวจข้อมูลจากคนไทยในเดือนมกราคม 2025 จำนวนทั้งหมด 2,032 คน ซึ่งสามารถ represent ประชากรทั้งประเทศของไทยได้ โดยเป็นคนในกรุงเทพ 30% และ ต่างจังหวัด 70%
- ศึกษา 6 มิติความเปลี่ยนแปลง ได้แก่
- เศรษฐกิจ (Economy)
- เทคโนโลยี (Technology)
- สังคม (Society)
- วัฒนธรรม (Culture)
- สิ่งแวดล้อม (Environment)
- ข้อมูลประชากร (Demographics)
เพื่อดูว่า Macro Trends มาเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้อย่างไร แล้วมี consumer signals อะไรบ้างที่ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงหรือปรับตัว
💡YouGov มี Sample size อยู่ใน platform online อยู่ที่ 750K คน ซึ่ง represent demographics ในเมืองไทยตามช่วงอายุ ตามรายได้ และตามภูมิภาค

ปัจจัยที่ส่งผลต่อเทรนด์ผู้บริโภค
[1] – Trump 2.0 เป็นตัวจุดชนวนให้เศรษฐกิจรู้สึกไม่ค่อยมั่นคง

[2] – คนไทยรายได้ฟื้นตัวช้า หนี้สูงและยังมีความกังวลกับปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยืดเยื้อ

[3] – หนี้เสียที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยมีสินเชื่อส่วนบุคคล(บัตรเครดิต) และสินเชื่อรถยนต์เป็นหลัก

ความกังวลที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายทั่วโลก และประเทศไทย

Top 3 in Global
- ราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น – 33%
- ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น – 20%
- ภาวะเศรษฐกิจถดถอย – 19%
Top 3 in Thailand
- ค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภคที่เพิ่มขึ้น – 22%
- ภาวะเศรษฐกิจถดถอย – 20%
- ราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น – 19%
ที่ไทยเรากังวลเรื่องอาหารน้อยกว่าโลก เนื่องจากเรามีพวก Food Security ราคาอาหารเราค่อนข้างดี
ส่วนเรื่องภาวะโลกร้อน / สิ่งแวดล้อม และ ความขัดแย้งในระดับโลก คนไทยมีความกังวลน้อย เนื่องจากสนใจแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า สนใจเรื่องปากท้องมากกว่า และยังไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้จะส่งผลต่อตัวเองยังไงในอนาคต ยกเว้นเรื่อง PM 2.5 ที่ส่งผลต่อคนไทยจริงๆในตอนนี้
ตัวกำหนดสถานการณ์เศรษฐกิจของ FMCG

67% ของผู้บริโภคไทยมีแนวโน้มปรับลดการใช้จ่ายลงเพื่อตอบรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ซึ่งกระทบกับ
- Dine out การรับประทานอาหารนอกบ้าน
- แฟชั่นและเครื่องประดับ
- การปรับปรุงและตกแต่งบ้าน
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
โดยที่
GEN X และ GEN Y(MILLENNIALS) : จะปรับโดยเลือกซื้อสินค้าจากความคุ้มค่า เป็นแพ็คหรือขนาดใหญ่
GEN Z : จะเลือกซื้อสินค้าแบบปลีกเป็นซอง ซื้อเป็นชิ้นทีละหลายชิ้น
MAMA Index ของคนไทย
61% ของผู้บริโภคไทยจะซื้อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งก็คือช่วงนี้เลย เหตุผลที่คนไทยเลือกมาม่ากันเพราะมันอยู่ได้นาน
6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 – 6 Emerging Consumer Segment in 2025
เทรนด์ผู้บริโภคในปี 2025 เกิดมาจากเศรษฐกิจระดับ Macro Trend ที่ทำให้เกิดความเชื่อ วิธีคิด และคุณค่าที่เปลี่ยนไป

[1] Wiser Wallet – คนเริ่มใช้เงินฉลาดขึ้น
![6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 - [1] Wiser Wallet - คนเริ่มใช้เงินฉลาดขึ้น](https://standasshare.com/wp-content/uploads/2025/03/9.jpg?w=1024)
กลุ่มนี้จะมีการวางแผนในการจับจ่ายมากขึ้น มองหาความคุ้มค่า ตัวเลือก ลดการดู media บางอย่าง เช่น HBO, Netflix ฯลฯ ที่จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายลง (ไม่ได้มองแค่ประหยัดอย่างเดียว แต่มองกลยุทธ์ในการจับจ่ายมากขึ้น)
ซึ่งแต่ละ Generation จะโฟกัสความคุ้มค่าของกลุ่มสินค้าที่ต่างกัน
- Gen Z – อาหารและเครื่องดื่ม
- Gen Y – อาหารและเครื่องดื่ม
- Gen X – ของเล่นและเกม
- Baby Boomer – ของใช้ในครัวเรือน
70% ของคนกลุ่ม Wiser Wallet สนใจสินค้าและบริการที่มีโปรแกรมสมาชิก ซื้อแล้วต้องได้คืนบ้าง เช่น แต้มแลกของ
[2] The Minorstones – คนมองเป้าหมายสั้นลง
![6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 - [2] The Minorstones - คนมองเป้าหมายสั้นลง](https://standasshare.com/wp-content/uploads/2025/03/10.jpg?w=1024)
Global กลุ่มนี้มีประมาณ 40% ในขณะที่เมืองไทยอยู่ที่ 77%
คนไทยเริ่มเปลี่ยนการมอง traditional life minestrone เช่น แต่งงานมีลูก ได้เลื่อนตำแหน่ง เป็น Modern life minestrone แทน สร้างความสุขง่ายๆด้วยตัวเอง เช่น ออกกำลังการเพื่อสุขภาพ ท่องเที่ยว ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น เปลี่ยนจาก personal achievement เป็น short-term joy หรือ micro moments แทน
![6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 - [2] The Minorstones - คนมองเป้าหมายสั้นลง - 5 อันดับสิ่งที่คนไทยเลือกเพื่อมอบความสุขหรือดูแลตัวเองในปีที่ผ่านมา](https://standasshare.com/wp-content/uploads/2025/03/11.jpg?w=1024)
key ที่น่าสนใจเลยคือ instant dopamine > อะไรที่ทำแล้วมีความสุขได้ทันทีกลุ่มนี้จะสนใจ
Top 5 ของสิ่งที่คนไทยเลือกเพื่อมอบความสุขและดูแลตัวเอง
- 77% – มองหาความสุขผ่านการกินของอร่อย
- 42% – เป็นสมาชิกแพลตฟอร์มดูหนัง เช่น Netflix, Prime, HBO, Viu
- 39% – ซื้อสินค้าแฟชั่น
- 15% – เข้าคลินิกทำสวย เสริมความงาม
- 15% – เป็นติ่งเกาหลี ติ่ง T-Pop
เจาะลึกกันที่ Gen Z จะเน้นการดูแลภาพลักษณ์ และเติมเต็มความชอบส่วนตัว ดังนั้น
Top 3 ของสิ่งที่ Gen Z สนใจ คือ
- 46% – ซื้อสินค้าแฟชั่น
- 23% – ติ่งเกาหลี ติ่ง T-Pop (น่าสนใจมาก เพราะการเป็นติ่งใครสักคนมีความสุขได้ทันที)
- 17% – ซื้อบัตรคอนเสิร์ต
💡อยากทำร้านอาหารให้ปังสำหรับปี 2025 ทริคสำหรับปีนี้คือ ทำยังไงให้กินแล้วมีความสุข ไม่ใช่แค่รสชาติอร่อย แต่กินแล้วอาจจะได้ลงรูปสวยๆ สถานที่และบรรยากาศดี เช่น น้องหมีเนย, Fine Dining เป็นต้น
ความคาดหวังต่อความสัมพันธ์ในปัจจุบันของคนไทย

79% ของคนไทยมองหาความสัมพันธ์ที่ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน (ทุกเพศทุกวัย)
เจาะลึกแต่ละ Generation
- Gen Z – No Expectations อยู่เป็นโสดได้ เที่ยวคนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องมีแฟน
- Gen Y – Casual Relationship ชอบความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด
- Gen X & Baby Boomer – Committed Relationship อยากมีความสัมพันธ์แบบจริงจัง ระยะยาว
[3] The Nudgeables – คนถูกกระตุ้นง่ายขึ้น
![6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 - [3] The Nudgeables - คนถูกกระตุ้นง่ายขึ้น](https://standasshare.com/wp-content/uploads/2025/03/12.jpg?w=1024)
กลุ่มนี้อาจจะมีหรือไม่มี Loyalty of Brand มาก่อนก็ได้ แต่พร้อมจะทดลองสินค้าใหม่ๆอยู่เสมอ หากถูกกระตุ้นได้ถูกวิธี ดังนั้น การสร้างสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ได้ทั้งคุณภาพ และราคาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับกลุ่มนี้ จึงทำให้
42% ของผู้บริโภคทั่วโลกในมีแนวโน้มเปลี่ยนแบรนด์สินค้า หากคุ้มราคาและมีคุณภาพมากกว่า
5 หมวดหมู่ที่คนไทยมองหาและอยากทดลองแบรนด์ใหม่ๆ มากที่สุด
- 54% – อาหารและเครื่องดื่ม
- 38% – เทคโนโลยีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- 38% – ของใช้ในครัวเรือน
- 34% – ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย
- 30% – ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และอาหารเสริม
สิ่งที่จะช่วย steal ลูกค้าจากกลุ่มนี้ได้ คือ
- คุณภาพสินค้า
- ความคุ้มค่าเทียบราคา
- ความน่าเชื่อถือของแบรนด์
[4] Dupe Culture – ของเหมือนกันทำไมต้องจ่ายแพงกว่า
![6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 - [4] Dupe Culture - ของเหมือนกันทำไมต้องจ่ายแพงกว่า](https://standasshare.com/wp-content/uploads/2025/03/13.jpg?w=1024)
ช้อปของแทนแบรนด์ดังได้ ทำไมต้องจ่ายแพง
แทนที่จะซื้อรถแพงๆ อาจจะซื้อ EV ที่เป็นตัวรองลงมาหน่อย แต่ design และ feature เหมือนกัน ซึ่งเทรนด์นี้มาจาก social media และเริ่มมาจากการที่มีผู้ใช้ลอง local brand แล้วพบว่าได้ผลเทียบเท่ากับต่างประเทศ
88% คนไทยมีแนวโน้มซื้อสินค้าแบรนด์ไทยมากขึ้น
3 หมวดหมู่สินค้าที่คนจะเลือกซื้อ “แบรนด์ไทย” เพิ่มขึ้น
- 72% – อาหารและเครื่องดื่ม (จากหาของกินแถวทองหล่อเปลี่ยนเป็นหาแถวบรรทัดทองแทน เพราะราคาที่ถูกลง)
- 53% – ของใช้ในครัวเรือน
- 48% – ผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย (Gen Z ให้ความสำคัญ)

โอกาสของแบรด์ไทยที่จะต้อง Game Up และแข่งขันในตลาด (พัฒนาและแก้ไขข้อจำกัด เพื่อให้เข้าถึง Gen Z ได้จาก 3 สิ่งต่อไปนี้)
- คุณภาพไม่ตรงกับความคาดหวัง
- ไม่มีรีวิวหรือประสบการณ์ผู้ใช้ที่น่าเชื่อถือ
- แบรนด์ยังไม่โดดเด่น หรือไม่น่าดึงดูด (Branding สำคัญมากสำหรับสินค้าไทย)

Minor Food ที่ออกมาสร้าง The Steak and More(Eat Am Are) ซึ่งเป็นการ Dupe มาจาก Sizzler ซึ่งสามารถสร้างรายได้ได้มากกว่า Sizzler ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา
ซึ่ง Dupe culture เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างรุนแรงสำหรับ Business เพราะงั้นอยากอยู่รอดต้องปรับตัวในปี 2025
[5] Adult Kids – วัยทำงานกลับไปอยู่กับที่บ้านมากขึ้น
![6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 - [5] Adult Kids - วัยทำงานกลับไปอยู่กับที่บ้านมากขึ้น](https://standasshare.com/wp-content/uploads/2025/03/16.jpg?w=1024)
เป็นเทรนด์ที่คนอายุ 18-34 ปีเริ่มย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่มากขึ้น
- Global – 33% ผู้บริโภคที่บรรลุนิติภาวะทั่วโลกย้ายกลับไปอยู่กับพ่อแม่
- Thailand – 61% ของคนไทยยังพักอยู่อาศัยกับครอบครัว
ซึ่งเทรนด์นี้เกิดมาจากภาวะเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยกลุ่มที่มีผลกระทบโดยตรงเลยคือ Real Estate อสังหา ซึ่งทำให้แนวโน้มในการซื้อบ้านลดลง
กว่า 57% ของ Adult Kids ไทยยังเลือกอยู่กับพ่อแม่ต่อ และไม่มีแนวโน้มจะซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยภายใน 12 เดือนข้างหน้า
แต่โอกาสของอสังหาในมุมกลับกันคือ พ่อแม่อาจจะต้องมีการขยับขยายบ้านให้ใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับลูกๆที่จะกลับมาอยู่บ้าน
[6] Conscientious Health – คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น
![6 เทรนด์ผู้บริโภค 2025 - [6] Conscientious Health - คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น](https://standasshare.com/wp-content/uploads/2025/03/15.5.jpg?w=1024)
คนพยายามจะดูแลสุขภาพด้วยตนเอง มากกว่าต้องไปพึ่งพาหมอ เหตุผลเพราะการไปหาหมอตอนนี้มันแพง ราคาสูงขึ้นทุกปี
82% ของคนไทยให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ
สิ่งที่คนไทยสนใจมากที่สุด ในเรื่องของสุขภาพ คือ
- การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ จะสังเกตได้ว่าช่วงนี้ หมอนเพื่อสุขภาพ วิตามินช่วยการนอนหลับขายดีมาก
- การออกกำลังกายง่ายๆ ที่ไม่ต้องเข้ายิม เช่น วิ่ง เดิน ว่ายน้ำ
- การตรวจสุขภาพประจำปี
กลุ่มที่พร้อมจะจ่าย หรือ Extra pay กับเรื่องสุขภาพ คือ Gen X, Baby Boomer และกลุ่ม SES หรือ รายได้ 60K+ ( product ไหนตอบโจทย์กลุ่มนี้ถือว่า win)
“ Health is Wealth ”
Deep Dive Industries – เจาะลึกแต่ละอุตสาหกรรม
Spending Behavior Shift: Increasing (หมวดหมู่ไหนที่มีการปรับเปลี่ยนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น)

อันดับ 1 เลยคือ Food & Beverage : ยินดีจะจ่ายเพิ่ม แม้ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี แต่กินนอกบ้านน้อยลง(ทำกินเองมากขึ้น)
ส่วนอันดับ 2-5 จะแตกต่างไปในแต่ละ Generation
Gen Z
- Education เช่น E-Learning, Take course (ใครว่าเด็กไทยไม่สนใจเรียนรู้)
- Beauty & Personal เพราะ Gen Z สนใจเรื่องภาพลักษณ์ ฉลาดอย่างเดียวไม่พอ ภาพลักษณ์ต้องดีด้วย
Gen Y
- Food Delivery เน้นสะดวกไว้ก่อน
- Household ให้ความสนใจกับของใช้ภายในบ้าน (แต่ให้ความสำคัญกับ Home & Deco น้อยลง)
Gen X
- Education : Lifelong learning, Reskill and Up skill
- Household ของใช้ภายในบ้าน
Boomer
- Healthcare & Hospital
- Household
- Health insurance น่าสนใจสำหรับกลุ่มนี้ เพราะมี product ตอบโจทย์เค้าน้อยมาก ปี 2025 ใครทำ product ตอบโจทย์กลุ่มนี้ได้ win แน่นอน เพราะ signal มาแล้ว
Spending Behavior Shift: Decreasing (หมวดหมู่ไหนที่มีการปรับเปลี่ยนค่าใช้จ่ายลดลง)

อันดับ 1 และ 2 ของภาพรวมเลย คือ
[1] Dining Out – น่ากลัวสำหรับธุรกิจอาหาร ร้านไหนที่ไม่ค่อยมีจุดเด่น กินแล้วไม่สามารถสร้างความสุขได้ในทันที เช่น จัดจานสวย ให้เยอะ อัพสตอรี่ได้ หรือร้านที่ทดแทนด้วย Dupe cultureได้ อยู่ยากแน่ถ้าไม่ปรับตัว
[2] Fashion & Accessories เช่น Gen z อาจจะซื้อน้อยลงแต่ก็ยังคงซื้ออยู่ และเลือกซื้อแค่บางสิ่งแทน
ส่วนอันดับ 3-5 จะแตกต่างไปในแต่ละ Generation
Gen Z
- Food Delivery
- Alcohol
Gen Y
- Alcohol
- Home & Deco
Gen X
- Technology
- Home & Deco
Boomer
- Domestic travel
- Technology
Value vs. Trust by Business Categories (คุณค่าและความเชื่อมั่น อะไรคือสิ่งที่ผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญและมีอิทธิพลในการตัดสินใจ)

Trust Driven – กลุ่มที่ให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่น
- Health Care & Hospital
- Aesthetic Clinic
- Health Insurance
- Healthy Product & Supplement
Balancing Trust & Value – กลุ่มตรงกลางที่อยู่ระหว่างคุณค่าและความเชื่อมั่น
- Beauty & Personal Care – ราคาดีคุ้มค่าไม่พอ ความเชื่อมั่นต้องตามมาด้วย
- Real Estate
- Automotive
Value Driven – กลุ่มที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่า
- Technology & Electronics เช่น Dyson vs Xiaomi | Samsung, Apple vs Oppo, Vivo, Huawei
- Sport Supplies
- Fashion & Accessories
- Pet Supplies
- Household
- Food & Beverage
- Furniture & Home Decor
- Toy & Gaming
Deep Dive – Health & Wellness

ปัญหาของกลุ่ม Health คือ ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้นทุกปี ส่งผลให้ประกันสุขภาพที่คุ้มครองโรคร้ายแรงเพิ่มขึ้น 6.34%(โอกาส)

93% ของคนไทยใส่ใจเรื่องสุขภาพ ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
40% ของคนไทยมีแนวโน้มจะทำประกันสุขภาพ, ประกันชีวิต และประกันอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น
43% ของ Gen Z ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตสูงกว่า Generation อื่น ได้แก่
- เข้าร่วมกิจกรรมบำบัด
- พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ
- ฟังเพลงทำกิจกรรมสังสรรค์
โอกาสของธุรกิจฝั่งสุขภาพ คือ Preventive Health Care (เวชศาสตร์ป้องกัน)
40% ของ Gen Z สนใจสุขภาพเชิงป้องกันมากขึ้น เช่น
- Genetic Test (การตรวจพันธุกรรม)
- Skin test (การตรวจผิวหนัง)
- Subscription Fitness Program
Deep Dive – Technology and AI Adoption

50% ของคนไทยใช้ AI สำหรับทำงาน
- ใช้แปลภาษา
- ค้นหาข้อมูลวิจัย
- ช่วยจัดการงานด้านเอกสาร เช่น ทำรายงาน
46% ของคนไทยใช้ AI สำหรับชีวิตส่วนตัว
- ใช้แปลภาษา
- ค้นหาข้อมูล
- พัฒนาทักษะส่วนตัว เช่น เรียนรู้ภาษาใหม่
คนที่ใช้ AI ในประเทศไทยหลักๆเลยจะอยู่ใน กรุงเทพมหานคร
คนไทยไม่ชอบให้ใช้ AI สำหรับงานบางประเภท
- 44% – ให้คำแนะนำทางการแพทย์
- 39% – ประเมิน/คัดเลือกบุคลากร
- 38% – สร้างคอนเทนต์ เช่น ข่าว/บทความ
- Gen X & Baby Boomer เป็นกลุ่มหลักที่ไม่ชอบ AI อย่างมากโดยเฉพาะ การนำมาใช้กับ Chatbot

74% ของคนไทยไม่กังวลเรื่อง AI จะเข้ามาทำงานแทน อาจเกิดจากไม่ค่อยทราบ impact อย่างแท้จริงว่า AI จะสามารถทำอะไรได้บ้าง (ซึ่งต่างจากเทรนด์ทั่วโลกที่ให้ความสนใจ AI เป็นอย่างมาก) มีแค่กลุ่ม Gen Z ที่ค่อนข้างกังวล ซึ่งเป็นกลุ่มที่ active นำเอา AI มาประยุกต์เข้ากับการทำงาน
อุตสาหกรรมของไทยที่นำ AI มาใช้ในการทำงานเยอะที่สุด
- Education
- Gaming
- Marketing
Deep Dive – Tourism and Experiential Spending

ภาพรวมมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในไทยเยอะขึ้น 26.27%(35.54 M คน) และรายได้ก็เพิ่มสูงขึ้น 34%(1.67 TB)
มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยเฉลี่ย +900K/week สูงสุดในรอบ 5 ปีนับตั้งแต่ปี 2020
มาลงลึกกันที่พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทยกันบ้าง

ปัญหาค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น แต่การท่องเที่ยวในประเทศโต เพราะคนไทยหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
56% ของคนไทยสนใจการเที่ยวแบบง่ายๆ ทริปใกล้ๆ ไม่เหนื่อย เน้นการพักผ่อน(soft travel) โดยแต่ละ Gen มีพฤติกรรมการเที่ยวที่แตกต่างกัน
- Gen Z – เที่ยวคนเดียวได้ + ต้องมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก wifiต้องแรง เน็ตต้องดี
- Gen Y – เที่ยวเชิงทำทรง เที่ยวธรรมชาติ เดินป่า camping + เน้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่ extreme มาก
- Gen X – เที่ยวแบบง่ายๆ เน้นพักผ่อน ทริปใกล้ๆ ไปกับครอบครัวกับเพื่อน เช่น อยุธยา
- Baby Boomer – เที่ยวแบบง่ายๆ เน้นพักผ่อน ทริปใกล้ๆ คล้ายกับ Gen X
สรุป ถ้าทำธุรกิจท่องเที่ยวแล้ว
อยากจับกลุ่ม Younger เน้นเที่ยวสาย กิจกรรม
อยากจับกลุ่ม Older เน้นเที่ยวสาย สบาย
Deep Dive – High Involvement Product: Automotive & Real Estate

อุตสาหกรรมกลุ่มนี้ยากสำหรับปี 2025 เพราะปัจจัยทุกอย่างเป็นปัจจัยลบหมดเลย
เทรนด์ภาพรวม Global
- Automotive : ปี 2024 ยอดขายรถสันดาป(น้ำมันเชื้อเพลิง)อยู่ที่ 79% แต่มี projection ว่า ปี 2030 กว่า 50% จะกลายเป็น EV car แล้วทั่วโลก (Hybrid ก็นับเป็น EV)
- Real Estate : ราคาของอสังหาพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับรายได้ ดังนั้น คนจะเริ่มหันมามองหาตัวเลือกที่คุณภาพกับราคาคุ้มค่ามากขึ้น
เจาะลึกกับ Automotive

ตอนนี้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Automotive คือ ค่อนข้างซบเซา เพราะอุปสงค์ไม่ค่อยดี และ คนไทยส่วนใหญ่ตอนนี้ใช้รถนานขึ้นอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 10.4 ปี
35% ของคนที่มีรถอยู่แล้ว ยังไม่มีแพลนซื้อรถใหม่
ปี 2024 ที่ผ่านมา
- ยอดขายรถสันดาป -36.35% (เป็นไปตามทั่วโลก)
- ยอดขายรถไฟฟ้าล้วน -5.20%
- ยอดขายรถ Hybrid +32% (สวนทางกับโลก) เนื่องจากคนไทยรู้สึกว่ารถประเภทนี้ไม่ต้องพึ่งพาที่ชาร์จ เดินทางไกลก็ยังอุ่นใจเติมน้ำมันได้
ประเภทของรถที่คนไทยสนใจซื้อ (คันแรกส่วนใหญ่ไม่ใช่ EV เพราะยังไม่มั่นใจในการบริการ และ after service เช่น อะไหล่)
- คันแรกเป็น Hybrid เพราะ เติมน้ำมัน/ชาร์จง่าย + ใช้เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพดี
- คันที่สองเป็น EV เพราะ สถานีชาร์จไม่เพียงพอ + ระยะเวลารออะไหล่ยนต์
Automotive Purchasing Factors (ผู้บริโภคชาวไทยแต่ละช่วงวัยให้ความสำคัญกับปัจจัยอะไรในการตัดสินใจซื้อรถ)

ภาพรวมสำหรับการตัดสินใจเลือกซื้อยังคงเป็น ราคา/ความคุ้มค่า และ อัตราการประหยัดเชื้อเพลิง
แต่สิ่งที่โดดเด่นในแต่ละ Generation
- Gen X & Boomer – สนใจบริการหลังการขาย/ประกัน และ EV Cars
- Gen Y & Gen Z – สนใจESG(เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) และ Customizable(ปรับแต่งได้)
เจาะลึกกับ Real Estate

เทรนด์การเลือกที่อยู่อาศัยของคนไทย
- 44% อาศัยที่อยู่อาศัยตัวเอง
- 35% อาศัยอยู่กับครอบครัว
- 15% เช่าอยู่
Key Purchase Factors
- ราคาต้องเหมาะสม (เข้าถึงได้ + อยู่ในงบประมาณ)
- ทำเลสะดวก (ใกล้ที่ทำงาน + ขนส่งสาธารณะ)
- ระบบรักษาความปลอดภัย (ครอบคลุม ครบวงจร)
ความท้าทายของ Real Estate คือ
- 61% มีแผนซื้อบ้านในอีก 5 ปีขึ้นไป หรือยังไม่มีแผนซื้อเลย = Demand อ่อน + การแข่งขันเพิ่มสูงมากขึ้น
- 70% ของคนที่เช่า มีแผนจะเช่าอยู่ต่อไป เพราะ [1]ไม่มีกำลังซื้อมากพอ [2]ไม่อยากมีภาระหนี้สิน [3]คล่องตัวในการโยกย้าย
Deep Dive – Luxury Goods

Attitude ของคนมอง luxury เปลี่ยนไป จากแพง หรู อยู่มายาวนาน กลายเป็น Luxury is a feeling ไม่ใช่แค่ตัวตนแต่มันต้องยกระดับความรู้สึกได้ด้วย
บางครั้งราคาสวนทางกับคุณภาพ luxury brand มันแพงอยู่แล้ว ดังนั้นคุณภาพมันควรจะต้องดีด้วย ถึงจะ work ในยุคนี้
คนสนใจเรื่อง Sustainability มากขึ้น จึงทำให้เกิดตลาดใหม่ นั่นคือ
- Pre-owned luxury goods(ตลาดมือสอง) – ช่วยส่งเสริมความยั่งยืน ทำให้ใช้ได้นานขึ้น ส่วนใหญ่แบรนด์จะไม่ลงมาเล่นเอง จะเป็นการ support ด้านหลัง เพื่อไม่ให้เสียแบรนด์แทน (เทรนด์นี้มาแน่)

Thailand is next luxury market hub
ตลาดสินค้า luxury ไทยจะเติบโตไปพร้อมกับห้างระดับ world-class จะเห็นได้ว่าเซเลปไทยดังไกลไประดับโลก เป็น brand ambassador กันหลายคน เช่น อาโป หลิง-ออม ฟรีน-เบคกี้
Top 5 สินค้าและบริการ luxury ที่คนไทยจะใช้จ่ายมากที่สุดในปี 2025
- Food & Beverage เช่น fine dining, น้ำปั่นแพงๆ เช่น Oh! Juice , สินค้าพรีเมียมที่ถ่ายลง storyได้ (กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังจ่ายสูงอยู่แล้ว คนละกลุ่มกับ dupe culture)
- Beauty & Personal Care – คลินิก, cosmetic กลุ่ม beauty & skincare ราคาสูงแต่ก็ยังอยู่ได้
- Fashion & Apparel – กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า
- Automotive – รถหรู ตระกูลนี้ยอดไม่ตก
- Health & Wellness – โรงพยาบาลราคาสูง กลุ่มโรงพยาบาลเอกชน
Key Purchase Factors
- 51% – คุณภาพและความทนทาน
- 50% – ให้รางวัลตัวเอง
ความน่าสนใจ คือ 70% ของคนไทยติดหรูสวนทางกับรายได้ แม้มีรายได้และเงินเก็บน้อย แต่ยินดีจ่ายให้สินค้าและบริการ luxury 10-30% ของเงินเดือน และอีก 46% สนใจเช่าและซื้อสินค้า luxury มือสอง โดยที่ผู้ชายเคยเช่าหรือซื้อสินค้า luxury มือสองมากกว่าผู้หญิง (อาจจะด้วยเพราะอาชีพ เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือในการทำงาน เช่น กลุ่ม influencer, MLM หรือ ธุรกิจเครือข่าย/ขายตรง)
Sustainability & ESG Practices – เทรนด์ความยั่งยืน 2025

คนไทยสนใจความยั่งยืนแบบ basic คือ ขอเลือกทำสิ่งที่ง่ายที่สุด (รู้ว่าสำคัญ แต่ปากท้องสำคัญกว่า)
53% ของคนไทยให้ความสำคัญกับสินค้าและบริการที่สนับสนุนความยั่งยืนมากเป็นพิเศษ
5 หมวดหมู่สินค้า Eco-Friendly ที่คนไทยใช้ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมามากที่สุด
- ขวดน้ำและแก้วแบบใช้ซ้ำ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าระบบพลังงาน
- ถุงหรือกระเป๋าผ้าแบบใช้ซ้ำ
- สินค้าที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ
- บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สิ่งที่จะทำให้คนไทยจ่ายเพิ่มเพื่อจะช่วยเรื่อง sustainability คือ ราคาที่คุ้มค่าและเหมาะสม จะยินดีจ่ายเพิ่ม 3-5% จากราคาปกติ(ไม่เกินจากนี้) เพราะมองว่าเงินก้อนนี้เขาไม่ควรจะจ่ายเพิ่ม ควรเป็นรัฐบาลที่มาส่งเสริมเรื่องความยั่งยืน
ความน่าสนใจคือ 83% ของคนไทยสนใจหรืออยากซื้อสินค้า Eco-Friendly เพิ่มมากขึ้น หากได้รับ Green Incentives เช่น ไม่เอาถุงได้ส่วนลดเพิ่ม 10%
จบไปแล้วสำหรับ Part 1 ซึ่งรวม insight ภาพรวมของแต่ละอุตสาหกรรม เทรนด์ผู้บริโภคในปี 2025 และเรื่องของ Sustainability ทั้งระดับโลกและในประเทศไทย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจ B2C นักการตลาด และทุกคนที่สนใจ
หวังว่าอินไซต์นี้จะมีประโยชน์กับทุกคน และขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะคะ 🙇🏿♀️🙇🏿
ขอขอบคุณ : คุณเอิร์ธ Adapter | Adapter x YouGov team | รายการ The Secret Sauce ที่มาแชร์อินไซต์ที่มีประโยชน์มากๆ สำหรับปี 2025
ขอขอบคุณ : Slide จากทาง Adapter และ รายการ The Secret Sauce
รับชมคลิปเต็มได้ที่นี่ : https://www.youtube.com/watch?v=15V-9TcLkxY&t=1220s

ใส่ความเห็น