ถ้าคุณกำลังรู้สึกว่า ชีวิตกำลังดำเนินไปในทิศทางเดิมๆ และต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร? หลายครั้งที่เรามีความฝัน หรือเป้าหมายที่อยากทำ แต่กลับถูกฉุดรั้งไว้ด้วยความกลัว และความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
นี่คือสรุปคลิปจากคุณ Ali Abdaal ที่จะทำให้คุณรู้จักกับ “Think Day” (วันแห่งความคิด) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “Think Week” ของ Bill Gates
มันคือการสละเวลาเพียง 4 ชั่วโมง เพื่อพาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ที่คุ้นเคย ไปอยู่ในสถานที่ใหม่ๆ เพื่อให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น เกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง เพราะการเปลี่ยนแปลงชีวิตที่แท้จริงนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากโชคชะตา แต่เกิดจาก “การตัดสินใจ” ที่เฉียบคม
พบกับ 4 แบบฝึกหัดที่ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเอง เผชิญหน้ากับความกลัว และวางแผนชีวิตเพื่อไปสู่ชีวิตที่คุณต้องการ
1. Wheel of Life
แบบฝึกหัดแรกที่จะช่วยทำให้เราตรวจสอบภาพรวมด้านต่างๆ ของชีวิต
วิธีการ:
วาดวงกลมหนึ่งวง และแบ่งออกเป็น 9 ส่วน แทน 9 ด้านของชีวิต + 1 ส่วน (ส่วนเสริมหมวดความสุข)
ระบุหมวดหมู่:
- Health (สุขภาพ) : Physical Health (สุขภาพกาย), Mental Health (สุขภาพจิต), Spiritual Health (สุขภาพทางจิตวิญญาณ)
- Work (การงาน) : Mission (เป้าหมาย), Money (การเงิน), Growth (การเติบโต)
- Relationships (ความสัมพันธ์) : Family (ครอบครัว), Friends (เพื่อน), Romantic (ความรัก)
- Joy (ความสุข) : เป็นหมวดหมู่ที่ 10 เพิ่มเติมเข้ามา
ให้คะแนน:
ให้คะแนนความพึงพอใจในแต่ละด้านตั้งแต่ 1 ถึง 10 (โดยที่ 10 คือดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ 1 คือแย่ที่สุด)
เป้าหมายของการทำสิ่งนี้:
ช่วยให้เห็นภาพรวมว่าชีวิตด้านไหนที่กำลังไปได้ดี และด้านไหนที่ควรให้ความสำคัญและปรับปรุงแก้ไขเป็นพิเศษ เมื่อระบุ “จุดอ่อน หรือจุดที่เราควรปรับปรุง” ได้แล้ว เราจะสามารถกำหนดเป้าหมาย และแผนการที่ต้องทำในระหว่าง Think Day ได้ชัดเจนขึ้น
2. Fear-Setting Exercise
ส่วนนี้จะเริ่มต้นด้วยคำถามที่ทรงพลังที่สุดหนึ่งคำถาม คือ
“คุณจะทำอะไรถ้าคุณรู้ว่าคุณไม่มีทางล้มเหลว?”
(What would I do if I knew I couldn’t fail?)
เนื่องจากความกลัว โดยเฉพาะความกลัวความล้มเหลว คืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่ฉุดรั้งเราไว้ ไม่ให้ไปสู่ชีวิตที่เราต้องการจริงๆ คำถามนี้จะช่วยให้เรามองข้ามความกลัวนั้นไปได้
เมื่อระบุสิ่งที่อยากทำได้แล้ว แต่ยังไม่กล้าลงมือทำเพราะ “ความกลัว” ให้ใช้แบบฝึกหัด
Fear-Setting Exercise ของ Tim Ferriss
แบบฝึกหัดนี้จะบังคับให้เราเขียนความกลัวออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร แทนที่จะเก็บมันไว้ในหัว เมื่อเราเขียนมันลงบนกระดาษ ความกลัวจะกลายเป็น “ปัญหาที่แก้ไขได้” ในทันที
7 คำถามเพื่อเอาชนะความกลัว และตัดสินใจลงมือทำ
1. นิยามฝันร้าย (Define your nightmare): คิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้นถ้าคุณลงมือทำมันจะส่งผลกระทบถาวรแค่ไหนในระดับ 1-10? และมีโอกาสเกิดขึ้นจริงมากน้อยแค่ไหน? บ่อยครั้งเราจะพบว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไม่ได้แย่อย่างที่คิด และมีโอกาสเกิดน้อยมาก
2. วิธีแก้ (Repair the damage): ถ้าเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นจริง คุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแก้ไขความเสียหาย หรือทำให้สถานการณ์กลับมาดีขึ้นได้แม้จะแค่ชั่วคราว?
3. ผลลัพธ์ที่ดี (Potential positive outcomes): ถ้าคุณลงมือทำแล้วสำเร็จ หรือแม้แต่พยายามแล้วได้ผลดีบางส่วน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร? คุณอาจได้รับความมั่นใจ โอกาสใหม่ๆ หรือผลตอบแทนทางการเงิน แล้วผลลัพธ์ที่ดีเหล่านี้มีโอกาสเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน?
4. ถ้าตกงานวันนี้ (A thought experiment): (คำถามนี้เป็นเพียงตัวอย่างที่ดีในการประยุกต์ใช้) ลองจินตนาการว่า ถ้าคุณต้องออกจากงานวันนี้ คุณจะทำอย่างไรเพื่อควบคุมสถานการณ์ทางการเงิน? การคิดแบบนี้ช่วยให้เห็นว่าเรามีทางหนีทีไล่มากกว่าที่คิด
5. สิ่งที่กลัว (Acknowledge the fear): มีอะไรที่คุณกำลังหลีกเลี่ยง เพราะความกลัวอยู่หรือไม่? บ่อยครั้งสิ่งที่เรารู้สึกกลัวที่สุด คือสิ่งที่เราควรทำมากที่สุด ลองยอมรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น แล้วตัดสินใจลงมือทำดู
6. ราคาของการไม่ทำ (Cost of inaction): ลองถามตัวเองว่าถ้าคุณไม่ทำสิ่งนี้ และปล่อยให้เวลาผ่านไป 1 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี ชีวิตคุณจะเป็นอย่างไร? การคิดถึงความสูญเสียทางอารมณ์ การเงิน หรือร่างกาย จากการไม่ลงมือทำ จะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญ
7. คุณรออะไรอยู่? (What are you waiting for?): หากคุณยังคงหาข้ออ้างว่า “ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” บ่อยครั้งนั่นคือเสียงของความกลัวที่กำลังพูดอยู่ คำตอบที่แท้จริงอาจเป็นการที่คุณต้องลงมือทำเลยตอนนี้
การเขียนความกลัวออกมาจะทำให้ปัญหาที่แก้ไม่ได้กลายเป็น “ปัญหาที่แก้ไขได้” แทนที่จะเป็น “ปีศาจที่น่ากลัว” อยู่ในใจ เราจะพบว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด และมีหนทางแก้ไข หรือป้องกันได้เสมอ
ท้ายที่สุด
แบบฝึกหัดนี้ คือ การกระตุ้นให้เรา หยุดรอเวลาที่สมบูรณ์แบบ และตัดสินใจ
ลงมือทำทันที เพราะบ่อยครั้งสิ่งที่เรารู้สึกกลัวที่สุด คือสิ่งที่เราควรทำมากที่สุด
3. Journalling Prompts
หลังจากที่เราได้สำรวจภาพรวมของชีวิตผ่าน Wheel of Life เพื่อค้นหาจุดที่ต้องให้ความสำคัญ และได้เผชิญหน้ากับอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดนั่นคือ “ความกลัว” ด้วยแบบฝึกหัด Fear-Setting แล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะดำดิ่งลงไปในความคิดของเราให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในส่วนนี้ เราจะใช้เครื่องมือที่ทรงพลังอย่าง “Journalling Prompts”
เลือกคำถามที่รู้สึกเชื่อมโยงกัยชีวิตคุณมากที่สุดในขณะนี้ 3-5 ข้อ คำถามเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้เรามองชีวิตจากมุมที่แตกต่างออกไป ตั้งแต่เรื่องเงิน ความสัมพันธ์ เป้าหมายในชีวิต ไปจนถึงความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิตอยู่
การตอบคำถามเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการเขียนลงในสมุดบันทึก หรือแม้แต่การพูดตอบโต้กับตัวเองผ่านการบันทึกเสียง จะช่วยปลดล็อกความคิดและมุมมองใหม่ๆ ที่อาจซ่อนอยู่ลึกๆ ในใจ ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจที่เฉียบคม และเปลี่ยนแปลงชีวิตได้อย่างแท้จริง
14 คำถามสำหรับ Journalling Prompts
1. What would you do if money were no object? (คุณจะทำอะไรถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา?)
2. If you didn’t care about making money, how would you use your talents and skills to serve other people? (ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องการหาเงิน คุณจะใช้ความสามารถ และทักษะของคุณเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นอย่างไร?)
3. What would I like people to say at my funeral and to what extent am I currently living aligned with that future? (ฉันอยากให้คนพูดถึงฉันว่าอย่างไรในงานศพ และตอนนี้ฉันใช้ชีวิตสอดคล้องกับภาพนั้นมากน้อยแค่ไหน?)
4. If I repeat this week’s actions for the next 10 years, where does it lead and is that where I want to be? (ถ้าฉันทำแบบเดิมเหมือนสัปดาห์นี้ไปอีก 10 ปี มันจะนำไปสู่จุดไหน และนั่นคือที่ที่ฉันอยากไปใช่หรือไม่?)
5. What activities in the last month have energized me and what activities in the last month have drained me? (กิจกรรมอะไรในเดือนที่แล้วที่ทำให้ฉันมีพลัง และกิจกรรมอะไรที่บั่นทอนพลังของฉัน?)
6. How can I do more of what energizes me and less of what has drained me? (ฉันจะทำสิ่งที่ให้พลังงานมากขึ้น และทำสิ่งที่บั่นทอนพลังงานน้อยลงได้อย่างไร?)
7. When it comes to my work or my life, what is the goal and what is the primary bottleneck? (เมื่อพูดถึงงานหรือชีวิตของฉัน อะไรคือเป้าหมาย และอะไรคืออุปสรรคสำคัญที่สุด?)
8. Do I work for my business or does my business work for me? (ฉันทำงานเพื่อธุรกิจของฉัน หรือธุรกิจของฉันทำงานเพื่อฉันกันแน่?)
👉 เป็นคำถามสะท้อนว่า เรากำลังเป็น ลูกจ้างของธุรกิจตัวเอง (เหนื่อยทำไม่หยุด) หรือธุรกิจถูกสร้างมาเพื่อ ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น
9. If I knew I was going to die 2 years from now, how would I spend my time? (ถ้าฉันรู้ว่าจะต้องตายในอีก 2 ปีข้างหน้า ฉันจะใช้เวลาของฉันอย่างไร?)
10. What’s the biggest bottleneck to achieving my next goal and why aren’t I working on it? (อะไรคืออุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการบรรลุเป้าหมายถัดไปของฉัน และทำไมฉันถึงยังไม่ลงมือจัดการมัน?)
11. How much do my current goals reflect my own desires versus someone else’s? (เป้าหมายปัจจุบันของฉัน สะท้อนความต้องการของตัวเองมากแค่ไหน เทียบกับความต้องการของคนอื่น?)
12. What are some areas in which I could invest more money to make life smoother and easier for myself? (มีด้านไหนบ้างที่ฉันสามารถลงทุนเงินเพิ่มเพื่อให้ชีวิตราบรื่นและง่ายขึ้น?)
13. What could I do to make my life more meaningful? (ฉันจะทำอะไรได้บ้าง เพื่อทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น?)
14. What backpack am I carrying that no longer serves me? (ฉันกำลังแบก “เป้” ใบไหนอยู่ที่ไม่เป็นประโยชน์กับฉันอีกต่อไปแล้ว?)
👉 เป็นคำถามสะท้อนว่า ภาระ ความคิด ความกลัว หรือสิ่งที่เรายังยึดติดไหน ที่จริงๆ แล้วมันไม่ช่วยให้เราเติบโต หรือก้าวไปข้างหน้าอีกต่อไป
หัวใจสำคัญของ Journalling Prompts คือ การช่วยให้คุณตกตะกอนความคิด ค้นพบความจริงที่ซ่อนอยู่ภายใน และนำไปสู่การตัดสินใจที่ชัดเจนขึ้น เพื่อเปลี่ยนทิศทางชีวิตไปในทางที่ดีขึ้นตามที่คุณต้องการอย่างแท้จริง
4. Action Steps
การไตร่ตรองและค้นพบความคิดดีๆ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น แต่การเปลี่ยนแปลงชีวิตที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราเปลี่ยนความคิดเหล่านั้นให้กลายเป็นการกระทำที่จับต้องได้
ในส่วนสุดท้าย ของ Think Day เราจะมาเรียนรู้วิธีการบันทึก “การตัดสินใจ” และแปลงมันให้เป็น “แผนการลงมือทำ” ที่ชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นจะไม่เลือนหายไป แต่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำพาชีวิตของคุณไปสู่ทิศทางใหม่ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
วิธีการบันทึกการตัดสินใจ: ให้เขียนบันทึกโดยใช้โครงสร้างต่อไปนี้
◦ Before today, I was… (ก่อนหน้านี้ ฉันเคย…) — ระบุความไม่แน่ใจหรือสถานะเดิมของคุณ
◦ But as of today, I have decided that… (แต่ ณ วันนี้ ฉันตัดสินใจว่า…) — ระบุการตัดสินใจใหม่ที่ชัดเจน
◦ Therefore, my action items are… (ดังนั้น สิ่งที่ฉันต้องทำคือ…) — ลิสต์รายการสิ่งที่ต้องทำ 1, 2, 3
◦ Finally, I will review this in… (สุดท้าย ฉันจะทบทวนเรื่องนี้ใน…) — กำหนดเวลานัดหมายกับตัวเองในปฏิทิน (เช่น ในอีก 1 สัปดาห์) เพื่อติดตามความคืบหน้าและทบทวนการตัดสินใจอีกครั้ง
หัวใจสำคัญของขั้นตอนนี้คือ การเปลี่ยนแผนการให้กลายเป็นนัดหมายในปฏิทิน ไม่ว่าจะเป็นการนัดหมายเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ที่คุณต้องการจะเปลี่ยน หรือการสร้างนัดหมายกับตัวเองในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อทบทวน และติดตามความคืบหน้า
การทำเช่นนี้จะช่วยให้แผนการต่างๆ เกิดขึ้นจริงได้ง่ายขึ้น เพราะมันเปลี่ยนจาก “สิ่งที่อยากทำ” ให้กลายเป็น “สิ่งที่ต้องทำ” ที่มีกำหนดเวลาชัดเจน ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณ
จากการเดินทางผ่าน 4 ขั้นตอนของ “Think Day” ตั้งแต่การสำรวจภาพรวมชีวิตด้วย
Wheel of Life การทลายกำแพงความกลัวด้วย Fear-Setting Exercise การตกตะกอนความคิดผ่าน Journalling Prompts จนถึงการเปลี่ยนความคิดให้เป็นการกระทำที่จับต้องได้ในส่วนของ Action Steps
จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่นั้นเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ที่เรียกว่า “การตัดสินใจ”
หัวใจสำคัญของกระบวนการนี้ คือ การพาตัวเองออกจากกิจวัตรเดิมๆ เพื่อให้สมองได้คิดอย่างอิสระและมองเห็นภาพรวมของชีวิตได้ชัดเจนขึ้น
สิ่งที่เราเรียนรู้คือ ความกลัวมักจะดูน่ากลัวเกินจริงเมื่อมันอยู่ในหัว แต่เมื่อเรานำมันออกมาเขียนลงบนกระดาษ มันจะกลายเป็นเพียงปัญหาที่รอการแก้ไข
สุดท้ายนี้ การตัดสินใจจะไม่มีความหมายเลยหากไม่ถูกเปลี่ยนให้เป็นการลงมือทำ ดังนั้น การกำหนด Action Items ที่ชัดเจน และสร้างนัดหมายกับตัวเองในปฏิทินจึงเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่สำคัญที่จะทำให้แผนการของคุณนั้นเกิดขึ้นจริง
หวังว่าเครื่องมือเหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นให้คุณได้สร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก
และ กำหนดทิศทางชีวิตไปสู่จุดหมายที่คุณใฝ่ฝันไว้ได้สำเร็จ
ขอขอบคุณ วิดีโอพอดแคส ดีๆจาก : คุณ Ali Abdaal
สามารถรับชมคลิปแบบเต็มๆได้ที่นี่ : https://youtu.be/gO0bvT_smdM?si=ZgaZQSF1BUODgimq
Standas Not Standard 
ใส่ความเห็น